หลักการใช้ Prefix Suffix เเละ Root
หลักการใช้ Prefix Suffix เเละ Root
Prefixes (อุปสรรค)คือ ส่วนของคำที่อยู่หน้าคำบ่งบอกความหมายของคำ
Suffixes (ปัจจัย) คือ ส่วนของคำที่อยู่ท้ายคำบ่งบอกความหมายและหน้าที่ของคำ
Root (รากคำ) คือ ส่วนที่เป็นความหมายหลักของคำ อาจอยู่ที่ตำแหน่งใดของคำก็ได้
Suffixes (ปัจจัย) คือ ส่วนของคำที่อยู่ท้ายคำบ่งบอกความหมายและหน้าที่ของคำ
Root (รากคำ) คือ ส่วนที่เป็นความหมายหลักของคำ อาจอยู่ที่ตำแหน่งใดของคำก็ได้
ลองสังเกตกลุ่มคำต่อไปนี้
suspect
|
aspect
|
respect
|
expect
|
inspect
|
introspect
|
prospect
|
retrospect
|
circumspect
|
specter
|
spectrum
|
spectacle
|
specimen
|
spectacular
|
speculate
|
specious
|
perspective
|
perspicuous
|
เราจะเห็นว่าใน 18 คำนี้มีรากศัพท์ร่วมกันอยู่คือคำว่า"spect" ซึ่งมาจากคำละตินspecere แปลว่าเห็น เราจึงพอจะเกิดแนวคิดได้ว่าความหมายของคำทั้งหมดนี้คงมีความหมายในทางที่เกี่ยวกับสายตา หรือการมองเห็นแน่นอนเมื่อรู้ความหมายของรากศัพท์แล้ว
จำเป็นต้องรู้ความหมายของอุปสรรคหรือปัจจัย
ที่ติดมากับมันด้วยเพราะจะช่วยให้จำศัพท์หรือเดาความหมายได้ง่ายขึ้น เช่น คำว่า suspect
มีคำอุปสรรค sub ที่แปลว่า under ดังนั้นจึงจึงมีความหมายว่า มองข้างใต้ สิ่งที่เรามองข้างใต้
แปลว่าเราสงสัยในสิ่งนั้นจึงต้องก้มมองให้ชัด แนวคิดนี้จึงนำมาสู่ความหมายของคำนี้
ที่แปลว่า สงสัย ลองใช้วิธีการศึกษาศัพท์โดยการวิเคราะห์คำในลักษณะนี้แล้วนักเรียนจะเห็น
การท่องศัพท์เป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ต่อไปนี้นักเรียนจะได้ศึกษาเรื่องของหน่วยคำที่เป็น Prefixes, Suffixes& Roots
อย่างละเอียด เมื่อศึกษาเข้าใจดีแล้วลองทำแบบฝึกหัดเพื่อทบทวนความเข้าใจกันนะคะ
ที่ติดมากับมันด้วยเพราะจะช่วยให้จำศัพท์หรือเดาความหมายได้ง่ายขึ้น เช่น คำว่า suspect
มีคำอุปสรรค sub ที่แปลว่า under ดังนั้นจึงจึงมีความหมายว่า มองข้างใต้ สิ่งที่เรามองข้างใต้
แปลว่าเราสงสัยในสิ่งนั้นจึงต้องก้มมองให้ชัด แนวคิดนี้จึงนำมาสู่ความหมายของคำนี้
ที่แปลว่า สงสัย ลองใช้วิธีการศึกษาศัพท์โดยการวิเคราะห์คำในลักษณะนี้แล้วนักเรียนจะเห็น
การท่องศัพท์เป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ต่อไปนี้นักเรียนจะได้ศึกษาเรื่องของหน่วยคำที่เป็น Prefixes, Suffixes& Roots
อย่างละเอียด เมื่อศึกษาเข้าใจดีแล้วลองทำแบบฝึกหัดเพื่อทบทวนความเข้าใจกันนะคะ
1. อุปสรรค (prefix)
อุปสรรค (Prefix) คือหน่วยที่เล็กที่สุดของความหมายในภาษา และ ไม่สามารถอยู่ลำพังได้ เป็นส่วนที่เติมหน้ารากศัพท์ (root or stem) เพื่อเพิ่มหรือเปลี่ยนความหมายของรากศัพท์นั้น โดยจะไม่เปลี่ยนหน้าที่ของรากศัพท์ ดังนั้นคำที่เกิดขึ้นใหม่ส่วนใหญ่จะมีหน้าที่เหมือนเดิมแต่มีความหมายเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนไป เช่น
- เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม
- เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี ดีขึ้น แย่ลง
หรืออาจจะเติมหน้ารากศัพท์เพื่อ บอกทัศนคติ ตำแหน่งที่ตั้ง ลำดับที่ จำนวน
อุปสรรค (Prefix) คือหน่วยที่เล็กที่สุดของความหมายในภาษา และ ไม่สามารถอยู่ลำพังได้ เป็นส่วนที่เติมหน้ารากศัพท์ (root or stem) เพื่อเพิ่มหรือเปลี่ยนความหมายของรากศัพท์นั้น โดยจะไม่เปลี่ยนหน้าที่ของรากศัพท์ ดังนั้นคำที่เกิดขึ้นใหม่ส่วนใหญ่จะมีหน้าที่เหมือนเดิมแต่มีความหมายเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนไป เช่น
- เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม
- เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี ดีขึ้น แย่ลง
หรืออาจจะเติมหน้ารากศัพท์เพื่อ บอกทัศนคติ ตำแหน่งที่ตั้ง ลำดับที่ จำนวน
อุปสรรคที่สำคัญมีดังนี้
1. อุปสรรค (Prefixes) ที่มีความหมายในเชิงปฏิเสธ"No" หรือ "Not" เช่น
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
un not unfair
in not inconvenient
im not impossible
1. อุปสรรค (Prefixes) ที่มีความหมายในเชิงปฏิเสธ"No" หรือ "Not" เช่น
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
un not unfair
in not inconvenient
im not impossible
2. อุปสรรค(Prefixes) สถานที่ ตำแหน่ง (Placement) เช่น
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
inter among international
ex out exclude
sub under subtitle
3. อุปสรรค (Prefixes) ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับเวลา(Time) เช่น
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
pre first pre-school
pro for, before pro-America
post after post-graduate
4. อุปสรรค (Prefixes) ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับจำนวนเลข(Number) เช่น
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
tri three tri angular
uni one unify
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
inter among international
ex out exclude
sub under subtitle
3. อุปสรรค (Prefixes) ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับเวลา(Time) เช่น
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
pre first pre-school
pro for, before pro-America
post after post-graduate
4. อุปสรรค (Prefixes) ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับจำนวนเลข(Number) เช่น
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
tri three tri angular
uni one unify
Example
อุปสรรค(prefix) +
|
รากศัพท์ (Root)
|
= คำใหม่(New word)
|
1. fore - (ก่อน) +
|
tell (บอก)
|
= foretell (ทำนาย)
|
2. miss - (ผิด) +
|
lead (นำ)
|
= mislead (นำไปในทางที่ผิด)
|
3. en (ทำให้) +
|
danger (อันตราย)
|
= endanger (ทำให้เป็นภัย)
|
4. contra (ต่อต้าน,ปะทะ) +
|
dict (พูด)
|
= contradict (ปฏิเสธ)
|
5. over (เหนื่อย) +
|
head (ศีรษะ)
|
= overhead (เหนือศีรษะ)
|
2. Root or Stem
รากศัพท์ (Root or Stem) เป็นส่วนที่แสดงถึงความหมายพื้นฐานหรือความหมายหลัก(Basic Meaning) ของคำ เมื่อเติม Prefix หรือ Suffix เข้าไปแล้วก็จะเป็นคำขึ้นมา โดยที่ความหมายของรากศัพท์ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนความหมายไป รากศัพท์ (roots) เป็นส่วนที่เป็นฐานของคำและเป็นตัวหลักเพื่อสร้างคำอื่น ๆ เพิ่มขึ้น และรากศัพท์เป็นส่วนที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้อีก รากศัพท์อาจเกี่ยวข้องกับจำนวนเลข (Numbers) การวัด (Measurement)การเคลื่อนไหว (Motion) การกระทำ (Action)ความรู้สึก (Senses) คุณภาพ (Quality) กฎหมาย (Law) และสังคม (Social) ดังตัวอย่างต่อไปนี้
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับจำนวนเลข (Numbers) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
semi one half
mono one
bi two
cent hundred
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับการวัด (Measurement) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
graph / graphy a device to write or record
meter a device to measure
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว (Motion) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
vent to come
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับการกระทำ (Action) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
stat / stit / sist to stand up
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับความรู้สึก (Senses) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
voc / vok voice; to call
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับคุณภาพ (Quality) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
clar bright
dur hard; strong
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับกฎหมาย (Law) และสังคม (Social)เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
ver true; to prove
civ / cit city; government
cert to be sure or certain; approve
รากศัพท์ (Root or Stem) เป็นส่วนที่แสดงถึงความหมายพื้นฐานหรือความหมายหลัก(Basic Meaning) ของคำ เมื่อเติม Prefix หรือ Suffix เข้าไปแล้วก็จะเป็นคำขึ้นมา โดยที่ความหมายของรากศัพท์ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนความหมายไป รากศัพท์ (roots) เป็นส่วนที่เป็นฐานของคำและเป็นตัวหลักเพื่อสร้างคำอื่น ๆ เพิ่มขึ้น และรากศัพท์เป็นส่วนที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้อีก รากศัพท์อาจเกี่ยวข้องกับจำนวนเลข (Numbers) การวัด (Measurement)การเคลื่อนไหว (Motion) การกระทำ (Action)ความรู้สึก (Senses) คุณภาพ (Quality) กฎหมาย (Law) และสังคม (Social) ดังตัวอย่างต่อไปนี้
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับจำนวนเลข (Numbers) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
semi one half
mono one
bi two
cent hundred
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับการวัด (Measurement) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
graph / graphy a device to write or record
meter a device to measure
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว (Motion) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
vent to come
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับการกระทำ (Action) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
stat / stit / sist to stand up
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับความรู้สึก (Senses) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
voc / vok voice; to call
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับคุณภาพ (Quality) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
clar bright
dur hard; strong
รากศัพท์ที่เกี่ยวกับกฎหมาย (Law) และสังคม (Social)เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
ver true; to prove
civ / cit city; government
cert to be sure or certain; approve
ตัวอย่างเช่น
1. contort = con (ร่วมกัน, ด้วยกัน) เป็น prefix + tort (บิด) เป็นรากศัพท์
ดังนั้นความหมายของ contort คือ ทำให้คด, งอ, บิด |
2. torsion = tors (บิด) เป็นรากศัพท์ + ion (การ,ความ) เป็น suffix
ดังนั้นความหมายของ torsion จึงมีความหมายว่า "การบิด" |
3. irremovable = ir (ไม่) เป็น prefix + remove (เคลื่อนย้าย) เป็นรากศัพท์
+ able (สามารถ) เป็น suffix ดังนั้นความหมายของคำ irremovable จึงมีความหมายว่า "เคลื่อนย้ายไม่ได้" |
4. circumlocution = circum (รอบๆ)เป็น prefix + locu (พูด) เป็นรากศัพท์ + tion
(การ , ความ) เป็น suffix ดังนั้นความหมายของ circumlocution จึงมีความหมายว่า "การพูดจาแบบอ้อค้อม" |
5. triarchy = tri (สาม)เป็น prefix + archy (การปกครอง) เป็นรากศัพท์
ดังนั้น triarchy จึงมีความหมายว่า "การปกครองโดยคน 3 คน " |
3. ปัจจัย (Suffix)ปัจจัยคือส่วนที่เติมหลังรากศัพท์มักจะเปลี่ยนความหมายและหน้าที่ของคำด้วย หรือเป็นส่วนหนึ่งของคำที่อยู่ข้างหลังคำหลัก (Base words) หรือรากศัพท์ (Roots) โดยทั่วไป ปัจจัย(Suffixes) ช่วยชี้แนะชนิดของคำ (Parts of speech) เช่นการเติมปัจจัย -er , -ist , -or หลังคำหลัก และทำให้คำหลัก(Base words) เปลี่ยนชนิดของคำเป็นคำนาม
ประเภทของปัจจัย (Suffixes) สรุปได้ดังนี้
1. ปัจจัยที่ทำให้กริยาเป็นคำนาม คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำกริยา แล้วเปลี่ยนคำหลักเป็นชนิดของคำนาม เช่น
ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ation combine combination
ment payment payment
er paint painter
al propose proposal
2. ปัจจัยที่ทำให้คุณศัพท์เป็นคำนาม คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำคุณศัพท์ แล้วเปลี่ยนเป็น
ชนิดของคำนาม เช่น
ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ness kind kindness
ce absent absence
ism human humanism
3. ปัจจัยที่ทำให้คำนามเป็นคุณศัพท์ คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำนาม แล้วเปลี่ยนเป็นชนิด
ของคำศัพท์ เช่น
ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ful success successful
ish selfish selfish
4. ปัจจัยที่ทำให้คำกริยาเป็นคุณศัพท์ คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำกริยา แล้วเปลี่ยนเป็นชนิดของคำคุณศัพท์ เช่น
ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ing amuse amusing
able remark remarkable
ive creat creative
ประเภทของปัจจัย (Suffixes) สรุปได้ดังนี้
1. ปัจจัยที่ทำให้กริยาเป็นคำนาม คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำกริยา แล้วเปลี่ยนคำหลักเป็นชนิดของคำนาม เช่น
ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ation combine combination
ment payment payment
er paint painter
al propose proposal
2. ปัจจัยที่ทำให้คุณศัพท์เป็นคำนาม คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำคุณศัพท์ แล้วเปลี่ยนเป็น
ชนิดของคำนาม เช่น
ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ness kind kindness
ce absent absence
ism human humanism
3. ปัจจัยที่ทำให้คำนามเป็นคุณศัพท์ คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำนาม แล้วเปลี่ยนเป็นชนิด
ของคำศัพท์ เช่น
ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ful success successful
ish selfish selfish
4. ปัจจัยที่ทำให้คำกริยาเป็นคุณศัพท์ คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำกริยา แล้วเปลี่ยนเป็นชนิดของคำคุณศัพท์ เช่น
ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ing amuse amusing
able remark remarkable
ive creat creative
1. ปัจจัยที่ทำให้คุณศัพท์เป็นกริยาวิเศษณ์ คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำคุณศัพท์ แล้วเปลี่ยนเป็นชนิดของคำกริยาวิเศษณ์ เช่น
ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ly private privately
ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ly private privately
2. ปัจจัยที่ทำให้คุณศัพท์เป็นกริยา คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำคุณศัพท์ แล้วเปลี่ยนเป็นชนิด ของคำกริยา เช่น
ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ize civil civilize
en bright brighten
ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ize civil civilize
en bright brighten
ตัวอย่างเช่น
คำ(Word ) +
|
ปัจจัย (Suffix)
|
คำใหม่(New word)
|
1.kind (adj) +
|
Ness
|
= kindness (noun)
|
2. assist (verb) +
|
Ant
|
= assistant (noun)
|
3.danger (noun)+
|
Ous
|
= dangerous (adjective)
|
4. use (verb) +
|
Ful
|
= useful(adjective)
|
5. instant (noun)+
|
Ly
|
= instantly (adverb)
|
ตัวอย่างการวิเคราะห์หน่วยคำที่ประกอบอยู่ในคำศัพท์
1. Oxygen is an invisible gas.
Definition = cannot be seen
Prefix = in
Root= vis
Suffix= ible
Part of speech= adj
2. Barbara talks incessantly.
Definition =without stopping, constantly
Prefix =in
Root = cess
Suffix = ant
Suffix = ly
Part of speech = adverb
3. The school board allocatedsome money for the purchase of computer equipment.
Definition = to distribute for a specific purpose
Prefix = al
Root = loc
Suffix = ate
Suffix = ed
Part of speech = verb
4. There are laws against indecent behavior.
Definition = not conforming to standards, not appropriate
Prefix = in
Root = dec
Suffix = ent
Part of speech = adj.
5. Ever since he was sick, Vincent's hair has looked flat and lusterless.
Definition = without shine, dull
Root = lust
Suffix = less
Part of speech = adj.
6. Yoko is reading a nonfiction book.
Definition = literature that is based on fact, not fiction
Prefix = non
Root = fict
Suffix = ion
Part of speech = noun
7. It finally occurredto Sam that the more he studied the better grade he received.
Definition = to come to mind, happen
Prefix = oc
Root = curr
Suffix = ed
Part of speech = verb
8. Some products have disclaimers written on their packages.
Definition = a denial of legal responsibilities and demands
Prefix = dis
Root = claim
Suffix = er
Part of speech = plural noun
9. Carlos placed the camera on a tripod.
Definition = a three - legged stand
Prefix = tri
Root = pod
Part of speech = noun
10. Katrina was readmitted to school after a year off.
Definition = allowed in again
Prefix = re
Prefix = ad
Root = mit
Suffix = ed
Part of speech = verb
แหล่งที่มา
การใช้ Prefix in- im- il- และ ir-
in-
in + accessible = inaccessible (adj.)access (v.) คือ "เข้าถึง" ครับ accessible (adj.) เป็นรูปคำคุณศัพท์ของเจ้าตัวนี้เจอพี่ in- มาอยู่ข้างหน้า เลยแปลว่า "เข้าไม่ถึง" หรือ "ไม่สามารถเข้าถึงได้"
in + accurate = inaccurate (adj.)
คำนี้แปลว่า "ไม่ถูกต้อง" ครับ (มาจาก accuracy (n.) ความถูกต้อง แม่นยำ) มีเพื่อนสนิทคือคำว่า incorrect (adj.) แปลว่า ไม่ถูกต้องเช่นกันครับ
in + effective = ineffective (adj.)
in + effective = ineffective (adj.)
ใช่แล้วครับ effective (adj.) แปลว่า มีประสิทธิภาพ ใส่ in- เข้าไปก็แปลว่าไม่มีประสิทธิภาพ
in + complete = incomplete (adj.)
อะไรที่มันยังไม่เสร็จสิ้น ไม่สมบูรณ์ ก็ใช้คำนี้แหละครับ
individual (adj./n.)คำนี้มองไปถึงรากศัพท์ของมันครับ เกิดจาก prefix in- รวมกับ
คำที่ทำหน้าที่เป็น base (ในที่นี้คือ dividual) มาจากรากเดิมคือ divide ที่แปลว่า "แบ่ง"
เลยแปลว่าออกมาได้ว่า อะไรที่เป็นปัจเจกบุคคล คนเดียว ไม่แบ่ง เชิ่ดๆ ครับ ฮ่าๆๆๆ
im-
im + balance = imbalance (n.)
คำนี้ได้เดาได้ง่ายๆเลยครับ balance ก็คือ สมดุล เท่าเทียมกัน
(บา-ล๊าน ตามภาษาบ้านเรานั่นเอง ฮ่าๆ)
ในภาษาอังกฤษออกเสียง (แบ-เลิ่นซ์) imbalance ก็คือ อะไรที่ไม่สมดุล ไม่พอดีกัน
im + maturity = immaturity (n.)
คำนี้ถ้าเป็น adj. จะเขียนว่า immature ครับ มาจาก mature / maturity
(หม่ะ-เชอร์ / หม่ะ-เชอ-หริ-ถิ) แปลว่า มีความเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผล มีวุฒิภาวะ
ใส่ im- เข้าไปก็เหมือนทำตัวเป็นเด็กๆครับ "ขาดวุฒิภาวะ"
im + possible = impossible (adj.)
โอ้วว คำนี้ยอดฮิตเลยนะเนี่ย possible = เป็นไปได้ครับ
impossible ก็ เป็นไปไม่ได้
im + balance = imbalance (n.)
คำนี้ได้เดาได้ง่ายๆเลยครับ balance ก็คือ สมดุล เท่าเทียมกัน
(บา-ล๊าน ตามภาษาบ้านเรานั่นเอง ฮ่าๆ)
ในภาษาอังกฤษออกเสียง (แบ-เลิ่นซ์) imbalance ก็คือ อะไรที่ไม่สมดุล ไม่พอดีกัน
im + maturity = immaturity (n.)
คำนี้ถ้าเป็น adj. จะเขียนว่า immature ครับ มาจาก mature / maturity
(หม่ะ-เชอร์ / หม่ะ-เชอ-หริ-ถิ) แปลว่า มีความเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผล มีวุฒิภาวะ
ใส่ im- เข้าไปก็เหมือนทำตัวเป็นเด็กๆครับ "ขาดวุฒิภาวะ"
im + possible = impossible (adj.)
โอ้วว คำนี้ยอดฮิตเลยนะเนี่ย possible = เป็นไปได้ครับ
impossible ก็ เป็นไปไม่ได้
im + mobilize = immobilize (v.)
ดูที่คำว่า mobile ก่อนครับ มันแปลว่าอะไรที่เคลื่อนที่ได้ (อย่าง mobile phone นั่นไง)
mobilize (v.) คือเคลื่อนที่ เคลื่อนพล(ในทางทหาร) หรือ มีการเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง
ใส่ im- เข้า ทุกอย่างก็หยุดเลยครับ แน่นิ่ง ไม่ขยับไปไหน
im + polite = impolite (adj.)
polite คือ สุภาพ อ่อนน้อมครับ พอเป็น impolite ไม่สุภาพ
il-
il + legal = illegal (adj.)
legal (adj.) คืออะไรที่ถูกต้องตามที่กฏหมายว่าไว้ครับ
il + literate = illiterate (adj.)
literate (adj.) มาจาก literacy (n.) ครับ หลายๆครั้งจะมีการทำสถิติสำรวจ
literacy rate ตามประเทศต่างๆ ซึ่งก็คือ อัตราการอ่านออกเขียนได้ของประชากรในประเทศนั้นๆ
พอใส่ il- เข้าไปก็เลยแปลว่า อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
ir-
ir + regular = irregular (adj.)
regular แปลว่า ปกติ สม่ำเสมอ ครับ พอใส่ prfix ตัวนี้เข้าไปก็เลยแปลว่า ผิดปกติ
ถ้าใครจำ Verb ในภาษาอังกฤษได้ว่า verb จะสามารถแบ่งเป็น
กลุ่มปกติ (เพราะเติม -ed) กับกลุ่มไม่ปกติ (เพราะเปลี่ยนรูป)
1. regular verbs: walk walked walked / study studied studied
2. irregular verbs: go went gone / drink drank drunk
ir + rensponsible = irresponsible (adj.)
responsible เฉยๆ แปลว่า รับผิดชอบครับ irresponsible ก็คือ ขาดความรับผิดชอบ
ir + relevant = irrelevant (adj.)
ถ้าใครรู้จักคำว่า relate (v.) ก็น่าจะเดาคำนี้ได้นะครับ relate แปลว่าเกี่ยวข้อง
คำว่า relative (n.) แปลว่า ญาติๆของเรา (คนที่เกี่ยวของกับเรา)
relevant (adj.) ก็แปลว่า เกี่ยวข้อง
literacy rate ตามประเทศต่างๆ ซึ่งก็คือ อัตราการอ่านออกเขียนได้ของประชากรในประเทศนั้นๆ
พอใส่ il- เข้าไปก็เลยแปลว่า อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
ir-
ir + regular = irregular (adj.)
regular แปลว่า ปกติ สม่ำเสมอ ครับ พอใส่ prfix ตัวนี้เข้าไปก็เลยแปลว่า ผิดปกติ
ถ้าใครจำ Verb ในภาษาอังกฤษได้ว่า verb จะสามารถแบ่งเป็น
กลุ่มปกติ (เพราะเติม -ed) กับกลุ่มไม่ปกติ (เพราะเปลี่ยนรูป)
1. regular verbs: walk walked walked / study studied studied
2. irregular verbs: go went gone / drink drank drunk
ir + rensponsible = irresponsible (adj.)
responsible เฉยๆ แปลว่า รับผิดชอบครับ irresponsible ก็คือ ขาดความรับผิดชอบ
ir + relevant = irrelevant (adj.)
ถ้าใครรู้จักคำว่า relate (v.) ก็น่าจะเดาคำนี้ได้นะครับ relate แปลว่าเกี่ยวข้อง
คำว่า relative (n.) แปลว่า ญาติๆของเรา (คนที่เกี่ยวของกับเรา)
relevant (adj.) ก็แปลว่า เกี่ยวข้อง
อ้างอิง http://thongchaibuahom.blogspot.com/2012/06/prefix-suffix-root-prefix-in-im-il-ir.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น